วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

โทษของอินเตอร์เน็ต

บทที่ 5 โทษของอินเทอร์เน็ต

ทุกสรรพสิ่งในโลกย่อมมีทั้งด้านที่เป็นคุณประโยชน์และด้านที่เป็นโทษ เปรียบเหมือนเหรียญที่มี 2 ด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้อย่างไรให้เกิดผลดีต่อเรา ขอยกตัวอย่างโทษที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการใช้งานอินเทอร์เน็ตดังนี้

1.โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic)

อินเทอร์เน็ตก็เป็นสิ่งเสพติดหรือ?

หากการเล่นอินเทอร์เน็ตทำให้คุณเสียงานหรือแม้แต่ทำลายสุขภาพ นักจิตวิทยาชื่อ Kimberly S. Young ได้ศึกษาพฤติกรรม ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมากเป็นจำนวน 496 คน โดยเปรียบเทียบกับบรรทัดฐานซึ่งใช้ในการจัดว่า ผู้ใดเป็นผู้ที่ติดการพนัน การติดการพนันประเภทที่ถอนตัวไม่ขึ้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับการติดอินเทอร์เน็ต เพราะทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องกับการล้มเหลวในการควบคุมความต้องการของตนเอง โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารเคมีใดๆ (อย่างสุรา หรือยาเสพติด)


2.คำว่า อินเทอร์เน็ต ในการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ หมายรวมถึง ตัวอินเทอร์เน็ตเอง ระบบออนไลน์ (อย่างเช่นบริการ AmericaOn-line, Compuserve, Prodigy) หรือระบบ BBS (Bulletin Board Systems) และการศึกษาวิจัยครั้งนี้ได้ระบุว่า ผู้ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้อย่างน้อย 4 อย่าง เป็นเวลานานอย่างน้อย 1 ปีถือได้ว่า มีอาการติดอินเทอร์เน็ต

รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อกับอินเทอร์เน็ต
มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้น
ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
รู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลงหรือหยุดใช้
ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นวิธีในการหลีกเลี่ยงปัญหาหรือคิดว่าการใชอินเทอร์เน็ตทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
หลอกคนในครอบครัวหรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของตัวเอง
การใช้อินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรียน และความสัมพันธ ์ ยังใช้อินเทอร์เน็ตถึงแม้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
มีอาการผิดปกติ อย่างเช่น หดหู่ กระวนกระวายเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต
ใช้เวลาในการใช้อินเทอร์เน็ตนานกว่าที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้

สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ไม่เข้าข่ายข้างต้นเกิน 3 ข้อในช่วงเวลา 1 ปี ถือว่ายังเป็นปกติ จากการศึกษาวิจัยผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างหนัก 496 คน มี 396 คนซึ่งประกอบไปด้วย เพศชาย 157 คน และเพศหญิง 239 คน เป็นผู้ที่เรียกได้ว่า "ติดอินเทอร์เน็ต" ในขณะที่อีก 100 คนยังนับเป็นปกติ ประกอบด้วยเพศชาย และเพศหญิง 46 และ 54 คนตามลำดับ

สำหรับผู้ที่จัดว่า "ติดอินเทอร์เน็ต" นั้นได้แสดงลักษณะอาการของการติด (คล้ายกับการติดการพนัน) และการใช้อินเทอร์เน็ต
อย่างหนักเหมือนกับการเล่นการพนัน ความผิดปกติในการกินอาหารหรือสุราเรื้อรัง มีผลกระทบต่อการเรียน อาชีพ สภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของคนคนนั้น ถึงแม้ว่าการวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การติดเทคโนโลยีอย่างเช่น การติดเล่นเกมส์ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับเพศชายแต่ผลลัพธ์ข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ติดอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง วัยกลางคนและไม่มีงานทำ

3.เรื่องอนาจารผิดศีลธรรม(Pornography/Indecent Content)

เรื่องของข้อมูลต่างๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือยต่างๆ นั้นเป็นเรื่องที่มีมานานพอสมควรแล้วบนโลกอินเทอร์เน็ต แต่ไม่โจ่งแจ้งเนื่องจากสมัยก่อนเป็นยุคที่ WWW ยังไม่พัฒนามากนัก ทำให้ไม่มีภาพออกมา แต่ในปัจจุบันภาพเหล่านี้เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอร์เน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็ก และเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้สามรถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเรา ไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิดผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้

4. ไวรัส ม้าโทรจัน หนอนอินเตอร์เน็ต และระเบิดเวลา

ไวรัส : เป็นโปรแกรมอิสระ ซึ่งจะสืบพันธุ์โดยการจำลองตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำลายข้อมูล หรืออาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงโดยการแอบใช้สอยหน่วยความจำหรือพื้นที่ว่างบนดิสก์โดยพลการ

ม้าโทรจัน : ม้าโทรจันเป็นตำนานนักรบที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ แล้วแอบเข้าไปในเมืองจนกระทั่งยึดเมืองได้สำเร็จ โปรแกรมนี้ก็ทำงานคล้ายๆ กัน คือโปรแกรมนี้จะทำหน้าที่ไม่พึงประสงค์ มันจะซ่อนตัวอยู่ในโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต มันมักจะทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการ และสิ่งที่มันทำนั้นไม่มีความจำเป็นต่อเราด้วย เช่น การแอบส่งรหัสผ่านต่างๆ ภายในเครื่องของเราไปให้ผู้เขียนโปรแกรม

หนอนอินเตอร์เน็ต : ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Morris, Jr. จนดังกระฉ่อนไปทั่วโลก มันคือโปรแกรมที่จะสืบพันธุ์โดยการจำลองตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จากระบบหนึ่ง ครอบครองทรัพยากรและทำให้ระบบช้าลง

ระเบิดเวลา : คือรหัสซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นรูปแบบเฉพาะของการโจมตีนั้นๆ ทำงานเมื่อสภาพการโจมตีนั้นๆ มาถึง ยกตัวอย่างเช่น ระเบิดเวลาจะทำลายไฟล์ทั้งหมดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2542

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องหลอกหลวงต่างๆ อีกมากมายที่กลายเป็นข่าวให้เราได้รับทราบอยู่เสมอ การพยายามในการเจาะทำลายระบบเพื่อล้วงความลับหรือข้อมูลต่างๆ ดังนั้น การใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจึงต้องมีความระมัดระวังในการใช้งาน มีวิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร กลั่นกรองจากหลายๆ แหล่งเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากเหล่ามิจฉาชีพไฮเทคเหล่านี้


อนาคตของอินเทอร์เน็ต

อนาคตของการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว จากเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป โน๊ตบุ๊คไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาที่เรียกกันว่า Palmtop และโทรศัพท์มือถือ

โทรศัพท์มือถือยุคใหม่ได้ผนวกรวมเข้ากับเทคโนโลยีด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ส่งข้อความสั้น (Short Message Service) รวมทั้งการท่องเว็บไซต์ด้วยเทคโนโลยี WAP (Wireless Application Protocol ) เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้โทรศัพท์ สามารถเปิดเว็บที่ถูกเขียนมาเพื่อโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะได้

ปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ตมาใช้ในการสื่อสารมากขึ้นเช่น การใช้โทรศัพท์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไปยังต่างประเทศ (Net2Phone) บริการนี้คือการโทรศัพท์จากคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องรับโทรศัพท์จริงๆ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีอัตราค่าโทรศัพท์ที่ถูกกว่า และยังมีบริการ Net2Fax ซึ่งให้บริการ Fax เอกสารจากคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่อง Fax จริงๆ ซึ่งมีอัตราค่าบริการที่ถูกกว่าเช่นกัน บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมมาติดตั้งและจะต้องจ่ายเงินก่อน ซึ่งเป็นการซื้อเวลาล่วงหน้า เมื่อมีการใช้บริการ จึงจะหักค่าใช้บริการจากที่ซื้อไว้
ในประเทศไทยได้นำเอาเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ช่องความถี่ที่ว่าง) มาใช้ในการให้บริการโทรศัพท์ทางไกล Ytel ทำให้ค่าบริการลดลง ด้วยการกดหมายเลข 1234 นำหน้ารหัสทางไกลและหมายเลขโทรศัพท์บ้าน ค่าบริการจะลดลงมากกว่าครึ่งด้วยคุณภาพของเสียงที่ชัดเจนยอมรับได้ เป็นต้น

ในอินเทอร์เน็ตยังมีบริการด้านความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น เกมส์ เพลง รายการโทรทัศน์และวิทยุ เราสามารถเลือกใช้บริการเหล่านี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากแหล่งต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก เราสามารถรับความบันเทิงใหม่ล่าสุดได้พร้อมๆ กับประเทศอื่นๆ ทันทีเช่นเดียวกัน

Game Online
Radio on Internet

โลกของอิเล็กทรอนิกส์ (e-?)

อนาคตของอินเทอร์เน็ตกำลังมุ่งไปสู่การให้บริการทางด้านธุรกิจที่เราได้ยินกันจนชินหูว่า e-Commerce เช่น การทำร้านค้าออนไลน์จำหน่ายสินค้าและบริการต่างๆ การชำระค่าบริการ (ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า โทรศัพท์ ภาษีรถยนต์ เบี้ยประกันภัย) ที่สามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก

รัฐบาลไทยได้วางนโยบายและกำหนดเป้าหมายในการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้งาน โดยการปรับปรุงการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลให้เป็นแบบ e-Government และมีการนำเอาระบบฐานข้อมูลประชากร e-Citizen มาใช้ในการบริหารงานการให้บริการต่างๆ แก่ประชาชนในด้านต่างๆ

ประชาชนจะมีบัตรประจำตัวแบบสมาร์ทการ์ดที่บรรจุข้อมูลต่างๆ เพียงใบเดียว (รวมใบขับขี่ บัตรสุขภาพของสถานพยาบาล หรือบัตรอื่นๆ ไว้เพียงใบเดียว) การทำธุรกรรมต่างๆ ที่ต้องการอ้างอิงหลักฐานทางราชการสามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนเพียงใบเดียวนี้ในการติดต่อดำเนินการ

http://www.lms.dmw.ac.th/internet/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น